วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

วันนี้ขอนอกเรื่องหน่อยนะครับ

หลายสิ่งที่คุณอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับเดวิด มอยส์



เดวิด มอยส์ อาจจะถูกจับตามองเป็นอย่างมากกับฤดูกาลแรกของเขาในฐานะผู้สืบทอดตำแหน่งของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และเราเองต่างก็รู้ดีว่าคำตอบสำหรับปัญหาโลกแตกนั้นมันอยู่ที่ว่าเขาจะทำให้โอลด์ แทรฟฟอร์ด เป็นสถานที่สำหรับเก็บถ้วยรางวัลต่อไปเหมือนเดิมได้หรือเปล่า

แต่ก่อนนั้นเขาอาจจะยังไม่รู้ถึงเรื่องนี้ แต่เมื่อปีกว่าๆ มานี้ มอยส์ก็ถูกวางอนาคตเอาไว้แล้วในการเป็นตัวตายตัวแทนสำหรับแผนการรีไทร์ของเซอร์ อเล็กซ์

อันที่จริงเซอร์ อเล็กซ์ อาจจะเดินออกจากโอลด์ แทรฟฟอร์ด ไปก่อนหน้านั้นแล้ว หากว่าเขาพาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก ในปี 2012 มาครองได้สำเร็จ ซึ่งนั่นจะเป็นการก้าวลงจากตำแหน่งในขณะที่ยังอยู่ในจุดสูงสุด แต่กลายเป็นว่า เซร์คิโอ อเกวโร่ ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดันมายิงฉกถ้วยแชมป์ลีกจากมือทีมปีศาจแดงไปครองอย่างหน้าตาเฉย นั่นทำให้ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จำเป็นจะต้องเดินหน้าลุยต่ออีกฤดูกาล

หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ทีมเรือใบสีฟ้าได้เฮกันในวันสุดท้ายก็มาจากตัวของมอยส์ด้วย ขณะที่เหลืออีก 4 เกมให้ลงเล่น ผู้จัดการทีมเอฟเวอร์ตันก็พาลูกทีมบุกมาคัมแบ็คแบ่งแต้มจากโอลด์ แทรฟฟอร์ด กลับออกไปได้แบบเหลือเชื่อ ขณะที่เหลือเวลาในเกมอีก 8 นาที แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายขึ้นนำอยู่ 4 - 2 ซึ่งหากพวกเขาเอาชนะได้ก็จะถือว่าเข้าใกล้ตำแหน่งแชมป์เต็มทน

แต่ประตูจาก นิคิก้า เยลาวิช และ สตีเว่น พีนาร์ ก็ทำให้ 2 คะแนนในมือของทีมปีศาจแดงหลุดลอยไปต่อหน้าต่อตา และเซอร์ อเล็กซ์ ก็ยอมรับว่าผลเสมอ 4 - 4 จากเกมนี้เป็นผลการแข่งขันที่ทำให้ความหวังคว้าแชมป์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องพังทลายลง

สปิริตนักสู้ของทีมจากเมอร์ซี่ย์ไซด์คือสิ่งที่มอยส์ได้สร้างให้กับลูกทีม ซึ่งมันก็ทำให้เซอร์ อเล็กซ์ รู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก เขาเน้นย้ำว่าต้องการให้มอยส์เขามาแทนที่ของตัวเขาเองที่จะออกจากทีมไปในเดือนพฤษภาคม และก็คงจะตัดสินใจแบบเดียวนี้ในปีที่แล้ว หากว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนของเขา

อีกหนึ่งชัยชนะของเอฟเวอร์ตันในวันเปิดฤดูกาลที่สนามกูดิสัน ในเกมพบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เป็นการเพิ่มประวัติการทำงานที่ดียิ่งไปอีกให้กับมอยส์ แม้ว่าผลการแข่งขันในเกมดังกล่าวจะไม่ได้ส่งผลต่อการคว้าแชมป์ลีกทิ้งท้ายสำหรับเซอร์ อเล็กซ์ ก็ตาม

นับว่ามอยส์นั้นมีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะทำให้แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ศรัทธาในตัวเขา พวกเขาจะต้องเชื่อว่ายุคใหม่นี้จะไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ความสำเร็จของทีมต้องขาดตอนไป หากคุณกำลังมองหาคนที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ประทับตราการันตีความสามารถ ก็คงจะไม่มีใครที่ดีไปกว่านี้อีกแล้ว

สำหรับแฟนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บางคนที่โตมาในยุคของผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษอาจจะตระหนักว่าทีมปีศาจแดงอาจกำลังเดินถอยหลัง แทนที่จะเร่งเกียร์ไปข้างหน้า

ชัยชนะในลีก 2 ครั้งล่าสุดของทีมในปี 2011 และ 2013 นั้น ทีมสปิริตอันแข็งแกร่งคือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ทีมคว้าแชมป์มาครองจากตำแหน่งที่ไม่น่าเป็นไปได้ คุณภาพของเกมนั้นมันก็ยังมีอยู่ เพียงแต่ว่าในแง่ของความสนุกตื่นเต้นนั้นอาจจะไม่โดนใจแฟนบอลที่ชื่นชอบเกมบุกตามแบบฉบับของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

มันจึงเกิดความกลัวขึ้นในกลุ่มแฟนบอลปีศาจแดงว่าทีมอาจจะต้องตกเป็นฝ่ายเดินตามหลังบาร์เซโลน่าต่อไปเวทียุโรป รวมถึงแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเชลซีในประเทศด้วย สำหรับยุคใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็แสดงว่านี่เป็นงานที่ยิ่งใหญ่เกินไปสำหรับสไตล์การทำทีมของมอยส์ และโอกาสที่ทีมจะได้เกิดใหม่อีกครั้งหลังพ้นยุคของเซอร์ อเล็กซ์ ที่กินเวลา 26 ปีก็ต้องสลายไป แต่ว่าจะมีใครอีกที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ควรมองหา?

หลังจากที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า พร้อมกลับมารับงานคุมทีม เขาก็เลือกไปรับตำแหน่งกับบาเยิร์น มิวนิค หลังแยกทางกับบาร์เซโลน่ามาพักใหญ่ๆ นั่นหมายความว่าเป้าหมายอันดับหนึ่งเป็นอันต้องถูกลบชื่อออกไปอย่างช่วยไม่ได้

หากว่าคุณกำลังมองหาคนที่มีความสำเร็จการันตีทั้งในประเทศอังกฤษและเวทียุโรปแล้วล่ะก็ โชเซ่ มูรินโญ่ สามารถตอบโจทย์ตรงนี้ได้ครบถ้วน แต่มันก็เป็นเรื่องจริงที่ว่าเจ้าของฉายาใหม่สดๆ ร้อนๆ เดอะ แฮปปี้ วัน นั้นไม่ใช่คนที่เหมาะสมที่สุดที่จะเข้ามาทำงานในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด

นับว่าเขาหลุดโผไปแล้ว คุณอาจจะหันไปมองคนที่พาทีมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เข้าชิงถ้วยยุโรปอย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ แต่เขาก็เพิ่งประสบความสำเร็จในเยอรมันมาเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้นเอง

ลองนึกย้อนไปเมื่อปี 2002 เมื่อเซอร์ อเล็กซ์ ประกาศเตรียมวางมือเป็นครั้งแรก เคล้าส์ ท็อปป์โมลเลอร์ ของไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ก็เคยกลายเป็นตัวเก็งที่จะเข้ามารับตำแหน่งต่อ แต่ 12 เดือนต่อมา เลเวอร์คูเซ่นก็ไล่ท็อปป์โมลเลอร์ออกจากการเป็นผู้จัดการทีม ซึ่งนั่นจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับคล็อปป์เหมือนกันหรือเปล่าก็ยังไม่มีใครรู้

มีเสียงสนับสนุน โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ พอสมควร หลังจากที่ตำนานปีศาจแดงได้พาทีมโมลด์ของนอร์เวย์คว้าแชมป์ลีกได้ติดกัน 2 ฤดูกาล แต่นั่นก็ไม่ใช่ผลงานที่ดีเพียงพอที่จะทำให้เขามาทำหน้าที่ในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ได้ในตอนนี้ แม้ว่าแฟนๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะพร้อมอดทนรอคอยความสำเร็จ โดยมอบทั้งเวลา และศรัทธาในตัวเขาก็ตาม

ดังนั้นมันจึงต้องมาดูกันที่ประสบการณ์ในพรีเมียร์ ลีก รวมถึงการยืนระยะเป็นเวลานาน ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามอยส์มีคุณสมบัติข้อนี้เหนือกว่าใครหน้าไหนสำหรับการเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้

การทำงานของเขาที่เอฟเวอร์ตัน เขาอาจจะยังไม่สามารถพาทีมคว้าถ้วยแชมป์มาประดับสนามกูดิสันได้ รวมถึงยังไม่ได้ไปลุยเวทียุโรปแบบจริงๆ จังๆ แต่ก็นับว่ามีน้อยคนนักที่จะไม่เห็นด้วยสำหรับการแต่งตั้งเขาเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ผู้จัดการทีมปีศาจแดงต่อจากเซอร์ อเล็กซ์ ถือว่านั่นคือ 2 สิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ยังเป็นจุดด่างพร้อยในประวัติการทำงานของเขา ซึ่งนั่นจะเป็นเครื่องหมายคำถามตัวใหญ่สำหรับผู้มาใหม่จากเมอร์ซี่ย์ไซด์คนนี้

อย่างไรก็ตาม การเลือกมอยส์นั้นถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว และแฟนๆ ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็พร้อมกันแล้วด้วยสำหรับทีมที่ไร้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป



ประวัติส่วนตัว
ชื่อ เดวิด วิลเลี่ยมส์ มอยส์
อายุ 50 ปี
สถานที่เกิด ไบลธ์สวู้ด, กลาวโกว์, ประเทศสก็อตแลนด์

อาชีพนักเตะ
กลาสโกว์ เซลติก (1980-1983 ลงเล่น 24 เกม), เคมบริดจ์ ยูไนเต็ด (1983-1985 ลงเล่น 79 เกม ยิง 1 ประตู), บริสตอล ซิตี้ (1985-1987 ลงเล่น 83 เกม ยิง 6 ประตู), ชริวส์บิวรี่ ทาวน์ (1987-1990 ลงเล่น 96 เกม ยิง 11 ประตู), ดันเฟิร์มลิน แอธเลติก (1990-1993, ลงเล่น 105 เกม ยิง 13 ประตู), ฮามิลตัน อคาเดมิคัล (ลงเล่น 5 เกม), เปรสตัน นอร์ธ เอนด์ (1993-1999 ลงเล่น 143 เกม ยิง 15 ประตู)

เกียรติประวัติในฐานะนักเตะ
คว้าแชมป์กับกลาสโกว์ เซลติก ในฤดูกาล 1981-1982 และได้ไปเล่นในเวทียุโรปกับสโมสร คว้าแชมป์ แอสโซชิเอท เมมเบอร์ส คัพ ในปี 1986 กับบริสตอล ซิตี้ และคว้าแชมป์ดิวิชั่น 3 กับเปรสตัน นอร์ธ เอนด์ ในฤดูกาล 1995-96

อาชีพผู้จัดการทีม
ผ่านการอบรมโค้ชครั้งแรกตั้งแต่อายุ 22 ปี
เปรสตัน นอร์ธ เอนด์ มกราคม 1998 - มีนาคม 2002
โอกาสคุมทีมของเขามาถึงในปี 1998 เมื่อ แกรี่ ปีเตอร์ส ก้าวลงจากตำแหน่งที่เปรสตัน และมอยส์ก็ได้รับการโปรโมทให้เป็นผู้เล่น-ผู้จัดการทีมด้วยวัย 34 ปี เขาพาทีมรอดการตกชั้นในฤดูกาลแรกของเขาอย่างหวุดหวิด
เอฟเวอร์ตัน มีนาคม 2002 - มิถุนายน 2013
เปลี่ยนทีมที่ต้องดิ้นรนหนีการตกชั้นจนกระทั่งมาคว้าอันดับ 4 ในพรีเมียร์ ลีก คว้าตั๋วเตะรอบคัดเลือกแชมเปี้ยนส์ ลีก

เกียรติประวัติในฐานะผู้จัดการทีม
1999 - คว้าอันดับ 2 ในการเตะรอบเพลย์ออฟดิวิชั่น 2 เดิมกับเปรสตัน นอร์ธ เอนด์
2000 - คว้าแชมป์ลีก และได้เลื่อนชั้นไปเตะดิวิชั่น 1 กับเปรสตัน
2001 - เปรสตันเป็นรองแชมป์ในการเตะรอบเพลย์ออฟเลื่อนชั้นจากดิวิชั่น 1
2009 - เอฟเวอร์ตันได้รองแชมป์เอฟเอ คัพ โดยแพ้ต่อเชลซีไป 1 - 2
รางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมผู้จัดการทีมลีก 2002-2003, 2004-2005, 2008-2009
ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งเดือนของพรีเมียร์ ลีก 10 ครั้ง

ครอบครัว
แต่งงานกับพาเมล่าภรรยา ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 2 คนคือ เดวิด จูเนียร์ อายุ 22 ปี และลูกสาวลอเรน อายุ 19 ปี

งานอดิเรก
เป็นเจ้าของร่วมของม้าแข่งที่ชื่อ เดเสิร์ต คราย ซึ่งถูกฝึกโดย โดนัลด์ แม็คเคน มันเคยแข่งที่รายการเชลท์แน่ม เฟสติวัล มาแล้ว เขายังเป็นผู้สนับสนุนพรรคแรงงานของอังกฤษ และเคยหนุนหลัง แอนดี้ เบิร์นแฮม ซึ่งเป็นแฟนบอลเอฟเวอร์ตันในการลงชิงตำแหน่งผู้นำของพรรคมาแล้วในปี 2010

การซื้อตัวที่ดีที่สุด
เขามีพรสวรรค์ในการเสาะหาเพชรเม็ดงามจากลีกล่างๆ รวมถึงการเจรจาคว้าตัวนักเตะจากทีมเล็กๆ นับตั้งแต่ ทิม เคฮิลล์ ที่คว้าตัวมาจากมิลล์วอลล์แค่ 1.5 ล้านปอนด์ ไปจนถึง โจเลออน เลสค็อตต์, ฟิล จากีลก้า และ เลห์ตัน เบนส์ เขายังนำเอา มิเกล อาร์เตต้า, มารูยาน เฟลไลนี่ และ สตีเว่น พีนาร์ ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเล่นในอังกฤษด้วย นอกจากนี้ก็ยังเป็นคนดัน เวย์น รูนี่ย์ ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ด้วยอายุเพียงแค่ 16 ปีเท่านั้น

การซื้อตัวที่แย่ที่สุด
เปอร์ โครลดรุ๊ป 5 ล้านปอนด์จากอูดิเนเซ่ กองหลังชาวเดนมาร์กผู้นี้ลงเล่นไปเพียงแค่ 2 เกมในฤดูกาลที่ย่ำแย่ในถิ่นกูดิสัน พาร์ค ยังมี ดินิยาร์ บิลยาเลตดินอฟ อีกคนที่เซ็นสัญญามาจากโลโคโมทีฟ มอสโกว์ ด้วยค่าตัว 8.9 ล้านปอนด์ แต่เขาก็ยิงให้กับทีมได้เพียงแค่ 8 ประตูเท่านั้น จากทั้งหมด 59 เกมที่ลงเล่น ก่อนที่จะย้ายกลับไปเล่นในรัสเซียเหมือนเดิม

บางอย่างที่คุณอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับเขา
การเข้ามารับตำแหน่งในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มอยส์ได้เดินตามรอยเท้าของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทั้งคู่ล้วนเคยฝึกฝนศาสตร์ลูกหนังกับดรัมคาเพล อเมเจอร์ส เอฟซี ในเมืองกลาสโกว์มาเหมือนกัน ซึ่งที่นี่ถือเป็นหนึ่งในโรงงานผลิตนักเตะที่ดีที่สุดของสก็อตแลนด์

คุณพ่อของมอยส์ซึ่งชื่อเดวิดเหมือนกันเคยเป็นโค้ชให้กับสโมสรแห่งนั้น และเขาก็ช่วยขัดเกลาฝีเท้าให้กับลูกชายของเขาที่นั่น ต่อมาเขาก็ได้กลายเป็นแมวมองในทีมเอฟเวอร์ตันให้กับลูกชายของเขาด้วย

เขาได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นเอ็มบีอี สำหรับการทำงานด้านการศึกษา หลังจากที่เขาใช้เวลา 40 ปีไปกับการเป็นผู้ช่วยให้กับวิทยาลัยแอนนี่ส์แลนด์ในเมืองกลาสโกว์ ซึ่งเป็นงานที่เขามีบทบาทร่วมกับดรัมคาเพล อเมเจอร์ส ด้วย

สไตล์การทำทีม
มีปรัชญาการทำงานที่ยอดเยี่ยม เขาจะตั้งมาตรฐานขึ้นมา และคาดหวังให้ทุกคนทำตามที่เขาต้องการ เชื่อในความจงรักภักดี ระเบียบวินัย และความเป็นมืออาชีพ พาทีมเล่นด้วยความแข็งแกร่ง ไล่บี้คู่แข่ง และทีมของเขามักจะทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี

รสนิยมด้านแฟชั่น
เป็นตามแบบฉบับดั้งเดิม เรามักจะเห็นเขาใส่แจ็คเก็ตสโมสรเอฟเวอร์ตันอยู่บ่อยครั้งที่ข้างสนาม แต่เราก็ยังจะได้เห็นเขาในชุดสูทสีดำเท่ๆ ด้วยเช่นกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น