วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ขอเสริมอีกนิดส์นึงครับ


ด้วยความเคารพนะครับ ผมไม่อยากให้เกษตรกรรายใหม่ทุกท่านเข้าใจผิดว่า อาชีพทำการเกษตรนั้นง่าย และถ้าทำเกษตรพอเพียงก็จะทำให้ชีวิตราบรื่น สบาย ๆ
              ตลอดเวลา10 กว่าปี ที่ผมได้มาคลุกคลีกับการเพาะเห็ดฟางมีบทสรุปสำหรับท่านที่ไม่เคยทำมาก่อนว่า ไม่มีอะไรง่าย ถ้าคุณไม่ศึกษาการตลาดก่อน คุณจะเสียเปรียบพ่อค้าคนกลาง คำว่าการตลาดหมายถึง คุณต้องรู้ต้นทุนการผลิต วิธีการผลิตที่ประหยัดต้นทุน และจะนำไปขายให้ใคร ในราคาเท่าไหร่ อันนี้สำคัญที่สุดอื่น ๆ พอจะแก้ไขได้ แต่อันนี้ถ้าคุณไม่ศึกษาคุณจะขาดทุนแทบทุกครั้งที่ทำการเกษตร อีกประการหนึ่ง การทำการเกษตร ถ้าคุณทำงานตามความเห่อของตลาด จะทำให้ต้นทุนของคุณสูง ในขณะที่ผลิตผลของคุณมีความเสี่ยงกับราคาขายที่พร้อมจะตกลงเนื่องจากคนเลิกแตกตื่นหรือนิยม  การเข้าใจผิดเกี่ยวกับเกษตรพอเพียงก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้เกษตรกรที่ดูโฆษณาแล้ว เข้าใจผิดในวัตถุประสงค์ทำให้สิ่งที่คาดหวังไว้ไม่สำเร็จ เสด็จพ่อสอนให้เรารู้จักพอเพียง ไม่ใช้สอนคิดจะทำอะไร ๆ แค่พออยู่ได้ไปวัน ๆ สบาย ๆ หลักสำคัญที่สุดในการทำเกษตรพอเพียงแล้วจะสำเร็จก็คือ ต้องคำนวณรายจ่ายที่เราต้องใช้จ่ายในปัจจุบันและอนาคต ในรูปแบบที่ประหยัด แล้วถ้าเรามีรายได้อย่างเกษตรพอเพียงจะอยู่ได้ไหม ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมีลูก 2 คน กำลังเรียนอยู่มีค่าใช้จ่ายถัวเฉลี่ยต่อวัน 200 บาท ถ้าคุณจะทำเกษตรพอเพียง คุณจะต้องทำปลูกพืชกินเองเพื่อลดการซื้อ ที่เหลือขายแล้วต้องมีรายได้อย่างน้อย 200 บาท ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายของลูกที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต คนที่จะทำเกษตรพอเพียงได้ส่วนใหญ่ต้องไม่มีค่าใช้จ่ายประจำครับ และที่สำคัญต้องทำบนที่ดินตัวเองด้วย  อีกเรื่องหนึ่งการเริ่มทำการเกษตรใช่ว่าเพียงศึกษา จากการอ่านก็สามารถทำงานได้ การอ่านทำให้คุณมีความรู้ก็จริง แต่เป็นเพียงแค่องค์ประกอบหนึ่งในการทำงานแบบเกษตรกรที่มีความรู้ การลงมือทำงานจริงจึงจะให้ความรู้ที่แท้จริงของงานนั้น ๆ ในทุกงานไม่มีผู้เขียนรายใดสามารถบรรยายลักษณะการทำงานได้มากกว่า 60เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือซึ่งส่วนใหญ่คุณต้องหาเอาจากการทำงานจริง และในการเริ่มต้นนั้นคุณจะต้องทำจากเล็กคือทำแต่น้อย ใช้เงินให้น้อยที่สุด อะไรไม่จำเป็นไม่ต้องซื้อหาอะไรใช้แทนได้ก็ใช้ไป ต่อเมื่อมีความรู้ความชำนาญแล้วจึงทำใหญ่ ถ้าคุณทำดังนี้คุณจะได้เริ่มทำงาน ไม่เช่นนั้นคุณก็จะอยู่ในภาวะเก็บข้อมูลอยู่อย่างนั้น
              เกี่ยวกับเรื่องเห็ด การทำเห็ดฟางจะว่ายากก็ยากถ้าไม่รู้ แต่ถ้ารู้แล้วอะไร ๆ มันก็ไม่ใช่ปัญหา ขั้นตอนการทำงานทุกอย่างถ้าเตรียมการมาดี การเพาะเห็ดจะไม่มีปัญหาเลยทุกเรื่อง ไม่มีสิทธิ์ขาดทุน แต่ตราบใดที่คุณยังรู้ไม่หมดคุณก็ยังต้องเก็บเกี่ยวความรู้จากการทำงานจริงต่อไป การเริ่มต้นเพาะเห็ดให้เริ่มต้นจากการทำกองเตี้ย ทำ 2 แถว แถวละ 3-4 กอง เงินลงทุนเริ่มต้นไม่เกิน 700 บาท คุณลงมือทำเองเลยทุกขั้นตอน ทำไป ๆ สัก 10-20 เที่ยว ให้รู้จักนิสัยของเห็ด ให้สังเกตสิ่งแวดล้อมในกองเพาะว่า อุณหภูมิแบบนี้ อากาศแบบนี้ ความร้อนกองเพาะแบบนี้ ความชื้นแบบนี้ มีผลกับเห็ดอย่างไร ไม่ต้องคำนึงถึงรายได้หรือค่าใช้จ่าย หาความรู้อย่างเดียว จากนั้นให้ทำโรงเรือนเล็กตามที่เคยบอกในตอนก่อนหน้านี้ ยังไม่ต้องสร้างเตา เอาถังน้ำ 200 ลิตร มาตั้งนอนวางบนอิฐแดงสูงจากพื้น 20-25 ซ.ม. เติมน้ำ120 ลิตร ให้รูใหญ่อยุ่ด้านบน รูใหญ่หาหางปลาใส่แล้วต่อเข้าสายยาง เวลาเริ่มต้นต้มน้ำให้พับสายยางไว้ พอน้ำเดือดสายยางที่พับจะกางออกไปเอง เท่านี้ก็พอแล้ว อย่าลืมล้างถังให้สะอาจก่อนใช้ด้วยนะครับ ใส่ฟืนต้มน้ำเอาไปก่อน ลงทุนเริ่มต้นถ้าต้องซื้อทุกอย่าง ประมาณ 3-4 พันบาท ทดลองทำไป 10-20 เที่ยว จนแน่ใจแล้วค่อยลงทุนทำจริง ถึงตอนนั้นคุณคงจะรู้แล้วว่าจะทำใหญ่แค่ไหนจึงจะรวยมากและรวยเร็ว
การทำเห็ดฟางคุณสามารถปรับความรู้ได้เร็วมาก เพราะว่าการเพาะในรอบหนึ่ง ๆ ใช้เวลา 15-25 วัน คุณใช้เวลาหาประสบการณ์การทำงานประมาณ 6 เดือน ก็ได้แล้ว ไม่เหมือนไม้ผล 1 รอบใช้เวลา 1 ปี ปัญหาอยู่ที่ว่าคุณมีความอดทนที่จะทำงานเพื่อเรียนรู้ได้ไหม 6 เดือน มีเกษตรกรบางท่านแนะนำให้ปลูกเห็ดฟางกองเตี้ยก็พอ ลงทุนไม่มาก จริงครับ แต่มีความแตกต่างกันมากเลยครับ ในโรงเรือนขนาด 60 ตารางเมตร มีข้อแตกต่างดังนี้ครับ
1.คุณต้องทำกองเตี้ย 80 กอง จะเท่ากับ 1 โรงเรือน ใข้พื้นที่ทำงานมากกว่ากัน 5 เท่า
2. ใน 80 กองทำงานคนเดียว เหนื่อยมาก ๆ ไม่น่าจะทำงานได้ทัน แต่ 1 โรงเรือนทำคนเดียว สบาย ๆครับ
3.การควบคุมสภาพแวดล้อมกองเตี้ยทำได้ยาก ไปไหนไม่ได้เลย ฝนตกแดดออก ต้องคอยปรับสภาพแวดล้อมตลอด ไม่เช่นนั้นเสียหาย ทำ 1 โรงเรือน ใช้เวลาทำงานไม่เต็มวันเป็นส่วนใหญ่ครับ
4.การเก็บเห็ดกองเตี้ยคุณต้องเปิดชายผ้าคลุมกองเพาะทั้ง 80 กองทั้ง 2 ด้าน เสร็จแล้วต้องปิดให้ดีอีก ต้องคลุมฟางกันแดดอีก ใช้เวลา ไม่ต่ำ 4 – 6 ช.ม. แต่โรงเรือนแค่เปิดประตูเข้าโรงเรือนแล้วก็เก็บเห็ดได้แล้วใช้เวลาไม่ถึง 1 ช.ม. เสร็จครับ

5.ทำกองเตี้ยหน้าฝนขาดทุน หน้าหนาวไม่ได้กำไร หน้าร้อนพอได้ ทำโรงเรือนรายได้สม่ำเสมอเท่ากันครับ หน้าหนาวถ้าทำเป็นเงินดีมากแต่เกษตรกรผู้เพาะเห็ดฟางโรงเรือนที่ไม่มีความรู้จะไม่มีรายได้ครับ
6.ถ้าพูดถึงความรู้ดีเท่ากัน การทำกองเตี้ย 80 กอง เก็บเห็ดได้ประมาณ 60 – 180 ก.ก. มากน้อยไม่แน่นอน ถึงมีฝีมือก็เป็นอย่างนี้ เพราะควบคุมสภาพแวดล้อมได้ยาก ทำเห็ดโรงเรือน เก็บได้ค่อนข้างสม่ำเสมอ 120-180 ก.ก. อยู่ที่ฝีมือดีแค่ไหน และถ้ามีมาตราฐานการทำงานดีเก็บเห็ดแต่ละครั้งที่เพาะ จะแตกต่างกันไม่เกิด 10-20 เปอร์เซ็นต์ ในทุกฤดูครับ
7.ทำเห็ดโรงเรือน คุณจะมีรายได้ 3-6 พันบาทต่อโรงเรือน ทั้งนี้มากน้อยขึ้นอยู่กับค่าแรงงาน แต่ทุก ๆ 3 โรงเรือน ถ้าจ้างแรงงานทุกขั้นตอนต้นทุนต่อโรงเรือนจะลดลงไป 500 -1000 บาทต่อโรงเรือน อันนี้สำคัญนะครับ ถ้าจะจ้างแรงงานต้องเพิ่มที่ละ 3 โรงเรือนต่อแรงงาน 2 คนครับ
 
    
8.การทำเห็ดกองเตี้ย คุณต้องคอยเปลี่ยนพื้นที่เพาะ หรือไม่ต้องเว้นช่วงให้ดินตากแดด เห็ดโรงเรือนแค่ล้างแล้วรอให้แห้งใช้ต่อได้แล้วครับ
9.ทำโรงเรือน 1 โรงเรือน ทำตามที่ผมเคยพูดถึงก่อนหน้านี้ ถ้าไม่เทปูน ซื้อของทุกอย่าง 5 พันบาท ใช้งานได้อย่างน้อย 2 ปี ถั่วเฉลี่ยค่าใช้จ่ายลงทุนโรงเรือน 100 บาท ต่อการทำเห็ด 1 ครั้ง
10.ขั้นตอนการเพาะเห็ดโรงเรือนยุ่งยากมาก ถ้าทำพลาดคือเสียหายทั้งโรงเรือน การแก้ไขปัญหาไม่ได้ช่วยอะไรมาก ถ้าเสียก็คือเสียทั้งหมดโรงเรือน ในกองเตี้ยขั้นตอนก็เพาะไม่มีอะไร เสียหายเป็นแถว
11.ค่าวัสดุเพาะและค่าใช้จ่ายอื่น 1 โรงเรือนใช้เงินลงทุน 3 พันบาท แพงกว่ากองเตี้ย เท่าตัว แต่กองเตี้ยใช้แรงงานมากกว่า 2 เท่าตัว


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น